ความหมายของค่าที่วัดระดับความเสี่ยงทางการเงิน
ค่า DFL จะบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างกำไรจากกการดำเนินงาน(EBIT) กับกำไรต่อหุ้น (EPS) โดยที่ ถ้า EBIT เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จะทำให้ค่า EPS เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เช่น จากจากตัวอย่างที่ 5 ค่า DFL ณ
ระดับปริมาณขาย 3,600 หน่วยหรือที่ระดับกำไรจากการดำเนินงาน 30,000
บาทเท่ากับ 1.5 หมายความว่ากิจการมีผลกำไรจากการดำเนินงานโดยที่ถ้ากิจการทำให้
EBIT เพิ่มขึ้น 10%
ค่า EPS จะเพิ่มขึ้น 15 % ในทางตรงกันข้ามถ้า EBIT ลดลง 10% ค่า EPS จะลดลง 15%
DFL = 1 เกิดขึ้น ณ จุดที่ซึ่งกิจการมีผลกำไรจากการดำเนินงาน ( EBIT เป็น + ) หรือขาดทุนจากการดำเนินงาน( EBIT เป็น - ) ดังนั้น DFL= 1 จึงมิได้หมายความว่า
กิจการมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพียงแต่ชี้บ่งว่า ณ
ขณะนั้นกิจการไม่ได้มีภาระผูกพันในเรื่องของดอกเบี้ยจ่ายซึ่งเกิดจากการหาเงินทุนด้วยวิธีก่อหนี้
การแปลค่า
DHL ที่เป็นบวก
ในขณะที่กิจการมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานพิจารณาจาก ตัวอย่างที่ 4 และ 5 ณ ระดับปริมาณขาย 2,000 หน่วย
ซึ่งกิจการมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 50,000 บาท ค่า DFL
เท่ากับ 0.83 หมายความว่ากิจการมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน
โดยที่ถ้ากิจการมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานลดลง (EBIT ที่เป็นค่าลบลดลง
)10% จะทำให้ EPS เพิ่มขึ้นได้ 8.3
%
สำหรับค่า
DFL ที่เป็นลบ แสดงว่า กิจการทำกำไรจากการดำเนินงานได้น้อยกว่าดอกเบี้ยจ่ายของหนี้สินที่เกิดขึ้น
ดังนั้นกำไรต่อหุ้นจะมีค่าเป็นลบ ซึ่งถ้ากิจการสามารถทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นได้
กำไรต่อหุ้น (EPS) ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในทางตรงกันข้าม ถ้าผลกำไรจากการดำเนินงานลดลง
กำไรต่อหุ้น (EPS) ก็ยิ่งลดลง
โดยทั่วไปธุรกิจที่มีโครงสร้างเงินทุนที่เป็นหนี้สินมาก
ย่อมมีภาระผูกพันทางการเงินมาก ความเสี่ยงทางการเงินจะสูงและความเสี่ยงทางการเงินมีค่าสูงสุดเมื่อ
DFL มีค่าเป็น ∞ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อ
กิจการมีผลกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับดอกเบี้ยจ่ายจุดที่ DFL เท่ากับ ∞ เรียกว่า จุดคุ้มทุนทางการเงิน
ที่มา : เพ็ญพิมล ลีโนทัย
การเงินธุรกิจ.—กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล เอ็ดดูเคชั่น,2558. 245
หน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น